นิคมอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมและการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของ EU และความต้องการ ESG จากนักลงทุนสากล โมเดล Geothermal-based Smart Industrial Park จึงถูกเสนอขึ้นเพื่อยกระดับนิคมสู่ “โครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์” ที่ช่วยลดคาร์บอน สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และเพิ่มความสามารถในการดึงดูดนักลงทุน
Geothermal-based Smart Industrial Park คืออะไร?
โมเดลนี้คือ นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ที่ใช้ พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) เป็นฐานหลักในการสร้าง สาธารณูปโภค สะอาดรวมศูนย์ เช่น ไฟฟ้า ไอน้ำ ระบบทำความเย็น และน้ำร้อน แล้วจ่ายให้กับโรงงานภายในนิคม
คุณสมบัติเด่น:
- ผลิตไฟฟ้าและความร้อนได้ต่อเนื่อง 24/7
- สาธารณูปโภค ถูกจัดการแบบรวมศูนย์ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ
- เชื่อมต่อกับระบบ Smart Grid และ IoT เพื่อบริหารจัดการแบบเรียลไทม์
- สร้างระบบ District Heating & Cooling ใช้ร่วมกันหลายโรงงาน
ประโยชน์ต่อโรงงานในนิคม
- ลด Capex: โรงงานไม่ต้องลงทุน สาธารณูปโภค เอง ใช้โครงสร้างพื้นฐานกลางของนิคม
- ลด Opex: พลังงานจาก Geothermal มีเสถียรภาพและต้นทุนระยะยาวต่ำกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล
- ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์: สาธารณูปโภครวมศูนย์ที่สะอาดช่วยให้โรงงานปล่อยคาร์บอนต่ำ ตอบโจทย์ CBAM
- เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: โรงงานในนิคมสามารถขายคาร์บอนเครดิตหรือต่อยอดสู่ Net Zero Supply Chain
โมเดลการดำเนินงาน
- Utility-as-a-Service (UaaS): นิคมจัดการ สาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า ไอน้ำ น้ำร้อน/เย็น ให้โรงงานเช่าใช้
- Hybrid Energy Integration: ผสาน Geothermal กับ Solar, Wind, และ Battery Storage เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
- Smart Monitoring: ใช้ IoT และ Big Data เพื่อติดตามการใช้พลังงานและคาร์บอนแบบเรียลไทม์
- Carbon Credit Portfolio: นิคมสามารถบริหารคาร์บอนเครดิตรวมศูนย์และแบ่งปันให้ผู้เช่า
โอกาสสำหรับประเทศไทย
- ไทยมีเป้าหมาย Net Zero 2065 และกำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด
- หากพัฒนา Geothermal-based Smart Industrial Park จะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับ ESG
- เป็นการสร้างจุดขายใหม่ให้กับนิคมอุตสาหกรรมไทย เทียบเคียงมาตรฐานระดับโลก เช่น นิคมอุตสาหกรรมสีเขียวในสิงคโปร์หรือยุโรป
สรุปโมเดล Geothermal-based Smart Industrial Park
คืออนาคตของนิคมอุตสาหกรรมไทย ที่ไม่เพียงสร้าง สาธารณูปโภค สะอาดแบบรวมศูนย์ แต่ยังลดต้นทุน เพิ่มความเสถียร และตอบโจทย์การค้าโลกในยุคคาร์บอนต่ำ โรงงานที่เข้าร่วมโมเดลนี้จะได้เปรียบทั้งด้านต้นทุนการผลิตและความสามารถแข่งขันในตลาดสากล