พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) ไม่ได้เป็นแค่แหล่งพลังงานสะอาดสำหรับผลิตไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังถูกต่อยอดเป็น โมเดลธุรกิจที่หลากหลาย ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะกับ ภาคอุตสาหกรรม ที่ต้องการพลังงานความร้อนและไฟฟ้าที่เสถียรต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
ไอซ์แลนด์: Geothermal District Heating & Industry Cluster
- ไอซ์แลนด์ใช้ Geothermal มากกว่า 80% ของความต้องการพลังงาน
- District Heating System ส่งไอน้ำและน้ำร้อนให้กับเมือง โรงงาน และอาคารพาณิชย์
- อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์:
- เกษตรกรรม (Greenhouse Farming): ใช้ความร้อนเรือนกระจก
- การท่องเที่ยว: สปาน้ำพุร้อน
- โลหะและอะลูมิเนียม: ใช้ไฟฟ้าและความร้อนต้นทุนต่ำในการถลุง
- เกษตรกรรม (Greenhouse Farming): ใช้ความร้อนเรือนกระจก
สหรัฐอเมริกา: Geothermal for Industrial Parks
- มีการลงทุน Geothermal Power Plant ร่วมกับ Smart Industrial Parks
- โมเดล Utility-as-a-Service: จ่ายไฟฟ้า + ไอน้ำสะอาดให้โรงงานในนิคม
- ดึงดูดบริษัทที่ต้องการ Green Supply Chain และตอบโจทย์ ESG
ญี่ปุ่น: Geothermal กับโรงงานอาหารและท่องเที่ยว
- ใช้ Geothermal Heat Pump ในโรงงานผลิตอาหารและรีสอร์ท
- ลดต้นทุนพลังงานปรับอากาศและระบบต้มน้ำ
- เสริมมูลค่าเชิงการตลาดด้วย “Green Branding”
ฟิลิปปินส์: Geothermal Export Model
- หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจาก Geothermal ใหญ่ที่สุดในโลก
- ใช้โมเดล Public-Private Partnership (PPP) พัฒนาโรงไฟฟ้าและขายไฟให้โรงงานอุตสาหกรรม
- ขยายรายได้ทั้งจากในประเทศและการส่งออกไฟฟ้าไปต่างประเทศ
บทเรียนสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมไทยควรนำมาใช้
- สาธารณูปโภครวมศูนย์ (District Utility): ใช้โมเดลนิคมอุตสาหกรรมแบบ Geothermal-based Smart Park
- Diverse Revenue Stream: ไม่ใช่แค่ไฟฟ้า แต่รวมถึงความร้อน ไอน้ำ และบริการเสริม
- PPP & Cluster Model: ภาครัฐ-เอกชนร่วมมือกันพัฒนาโครงการ
- สร้าง Value Chain ใหม่: นอกจากลดต้นทุน ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิต และสร้างแบรนด์ Net Zero
สรุป
โมเดลธุรกิจ Geothermal จากต่างประเทศชี้ชัดว่า การใช้พลังงานใต้พิภพกับภาคอุตสาหกรรมไม่เพียงแต่ ช่วยลดคาร์บอนและต้นทุน แต่ยัง สร้างรายได้เสริมและความได้เปรียบทางการแข่งขัน หากไทยสามารถประยุกต์ใช้โมเดล District Utility+ Green Industrial Park จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ Net Zero Economy ได้เร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น