เจาะลึกเทคโนโลยีพลังงานความร้อนใต้พิภพในปัจจุบันอย่างง่าย

พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) คือพลังงานที่ได้จากความร้อนภายในเปลือกโลก ซึ่งสามารถใช้ผลิตไฟฟ้า ให้ความร้อน หรือแม้แต่ผลิตไอน้ำสำหรับกระบวนการอุตสาหกรรม การใช้งานนี้ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของ พลังงานสะอาด (Clean Energy) เพราะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล

ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบและเทคโนโลยีที่พัฒนาและนำมาพิจารณาใช้ ข้อดี-ข้อจำกัด และศัพท์เฉพาะทางที่สำคัญมีดังนี้:

เทคโนโลยีหลัก ๆ ที่ใช้ในพลังงานความร้อนใต้พิภพ

ชื่อเทคโนโลยีคำอธิบายสั้น ๆจุดเด่นข้อจำกัด
Traditional / Hydrothermal Geothermal Systemsระบบที่ใช้แหล่งน้ำหรือไอน้ำร้อนที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (hydrothermal reservoirs)ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า เจาะลึกน้อยกว่า ถ้าแหล่งมีอยู่แล้ว ใช้งานได้ทันทีจำนวนแหล่งที่เหมาะสมจำกัด ต้องมี reservoir ตามธรรมชาติ เช่น น้ำร้อนใต้ดิน permeable, มีแรงดัน/อุณหภูมิสูงพอ
Enhanced Geothermal Systems (EGS)ระบบที่สร้าง reservoir ทางวิศวกรรมในหินร้อนแห้ง (hot dry rocks) โดยเจาะหลุม, ทำรอยแตกร้าว (fracturing), แล้วสูบน้ำผ่านเพื่อรับความร้อนแล้วส่งขึ้นมาใช้ขยายพื้นที่ที่สามารถใช้ geothermal ได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่ง reservoir ตามธรรมชาติ เทคโนโลยีสามารถเปิดพื้นที่ที่ก่อนหน้าใช้ไม่ได้ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง หลุมลึก เจาะยาก ต้องควบคุมปัญหา induced seismicity (แผ่นดินไหวที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์) และต้องจัดการน้ำอย่างระมัดระวัง
Advanced Geothermal Systems (AGS) / Closed‑loop circuitsระบบที่ใช้งานวงจรน้ำหมุนเวียน (fluid circulation) ภายในวงจรปิด (closed‑loop) โดยไม่จำเป็นต้องสร้างรอยแตกร้าวหรือขึ้นอยู่กับ permeable rock มากลดความเสี่ยงของ induced seismicity, ลดการใช้น้ำ; สามารถประเมินประสิทธิภาพได้ดีกว่าในบางกรณีต้องเจาะหลุมที่มีโครงสร้างเหมาะสม อาจมีต้นทุนการขุด (drilling) และระบบ heat transfer ที่ซับซ้อน
Supercritical Geothermal Systemsระบบที่เข้าถึงสภาวะ “supercritical” (แหล่งน้ำหรือของเหลวเหนือจุดวิกฤติของน้ำ‑ความดันและอุณหภูมิสูงมาก) ซึ่งจะให้พลังงานสูงกว่า per well มากความหนาแน่นพลังงานสูง (ได้ไฟมากขึ้นต่อหลุม) ประสิทธิภาพสูงกว่าเทคโนโลยีทั่วไปเทคโนโลยียังอยู่ในขั้นวิจัย/ทดสอบ, ปัญหาเรื่องวัสดุ (materials) ที่ทนความร้อนสูง, การเจาะและควบคุมความดันเป็นเรื่องท้าทาย
เทคโนโลยีพลังงานความร้อนใต้พิภพ

ศัพท์เฉพาะทางที่ควรรู้

คำศัพท์ความหมาย / อธิบาย
Hydrothermal Reservoirแหล่งน้ำหรือไอน้ำร้อนอยู่ใต้ดินที่มีแรงดัน/อุณหภูมิและ permeable rock (หินที่น้ำสามารถซึมผ่านได้) อยู่แนวธรรมชาติ
Permeabilityสภาวะของน้ำที่อยู่เหนือจุดวิกฤติ (critical point) ของน้ำ — มีอุณหภูมิและความดันสูงมาก น้ำจะมีสมบัติระหว่างของเหลวและไอ เป็นตัวกลางที่ดีในการถ่ายโอนพลังงาน
EGS (Enhanced Geothermal System)ระบบที่ “เสริม” ประสิทธิภาพของหินและ reservoir โดยการสร้าง fracture หรือปรับแต่งทางวิศวกรรม เพื่อให้ fluid สามารถซึมผ่านและรับความร้อนได้
Closed‑loop / AGSวงจรที่ของเหลวหมุนเวียนภายในระบบปิด ไม่ผสมกับน้ำธรรมชาติหรือ reservoir มากนัก จึงสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น
Supercritical waterสภาวะของน้ำที่อยู่เหนือจุดวิกฤติ (critical point) ของน้ำ มีอุณหภูมิและความดันสูงมาก น้ำจะมีสมบัติระหว่างของเหลวและไอ เป็นตัวกลางที่ดีในการถ่ายโอนพลังงาน

เหตุใดจึงควรเลือกใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพ / ความร้อนใต้ดิน และพลังงานสะอาด

  • ผลิตไฟฟ้าได้ ตลอด 24 ชั่วโมง (baseload power) ไม่เหมือนพลังงานแสงอาทิตย์หรือลมที่ขึ้นกับสภาพอากาศ
  • ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ถ้าระบบสามารถผลิตไอน้ำได้ ก็ช่วยทดแทน boiler เดิม ทำให้ลดต้นทุนเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษา
  • เป็นจุดขาย ESG / ความยั่งยืนสำหรับองค์กรที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดี หรือมีความต้องการผลิตสินค้า/บริการ “สีเขียว”

มุมมองเทคโนโลยีในไทย: ใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพได้ไหม?

ไทยมีแหล่งน้ำพุร้อนหลายแห่ง แต่อุณหภูมิและ permeability บางพื้นที่อาจไม่สูงพอสำหรับ hydrothermal แบบธรรมชาติ การใช้ EGS หรือ AGS จึงช่วยเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถ:

  • ขยายพื้นที่ที่สามารถติดตั้งโรงไฟฟ้า geothermal ได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มี reservoir ธรรมชาติ
  • ให้บริการ Build‑Own‑Transfer / EPC เพื่อให้โรงงานหรือกลุ่มอุตสาหกรรมสามารถใช้ไฟฟ้าและไอน้ำสะอาดได้ 24 ชม.
  • ใช้ Closed‑loop AGS ถ้าอยากลดความเสี่ยงเรื่องการแตกร้าวและ seismicity

สรุป

พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) คือพลังงานสะอาดที่สามารถผลิตไฟฟ้า ความร้อน และไอน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้ความร้อนจากใต้พื้นผิวโลกผ่านเทคโนโลยีที่พัฒนาแล้ว เช่น ระบบ Traditional/ Hydrothermal Geothermal Systems, EGS (Enhanced Geothermal Systems), AGS (Advanced/Closed-loop Systems) และ Supercritical Geothermal ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยคาร์บอน แต่ยังสามารถนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ หรืออาคารพาณิชย์ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ยั่งยืนอีกด้วย