พลังงานความร้อนใต้พิภพของประเทศไทยกับเส้นทางสู่ไฮโตรเจนสะอาด

ประเทศไทยมีศักยภาพ “พลังงานความร้อนใต้พิภพ” กระจายอยู่ตามบ่อน้ำพุร้อนภาคเหนือและภาคใต้ แหล่งพลังงานหมุนเวียนชนิดเดียวที่ผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง (Baseload) และปล่อยคาร์บอนต่ำมาก นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นคงไฟฟ้าแล้ว ความร้อนใต้พิภพยังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการขับเคลื่อน ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) เพราะสามารถจ่ายไฟฟ้าคงที่ให้กับอิเล็กโทรไลเซอร์ ลดต้นทุนและความผันผวนของระบบโซลาร์–ลม

บทความนี้สรุปองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพลังงานไฮโดรเจน แล้วเจาะลึก “ทางเชื่อม” ระหว่างความร้อนใต้พิภพของไทยกับการผลิตไฮโดรเจนสะอาด เพื่อชี้โอกาสธุรกิจและนโยบายในทศวรรษหน้า

ไฮโดรเจนคืออะไร?

ไฮโดรเจน (H₂) คือก๊าซไร้สี ไร้กลิ่น และมีพลังงานจำเพาะต่อมวลสูงที่สุดในบรรดาเชื้อเพลิงทั้งหมด เมื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจะให้ “น้ำ” เป็นผลิตภัณฑ์หลักโดยไม่ปล่อยคาร์บอนใด ๆ จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในอนาคต

คุณสมบัติเด่น

  • เบากว่าอากาศ ~14 เท่า ทำให้กระจายตัวได้รวดเร็ว ลดความเสี่ยงสะสมในพื้นที่เปิด
  • จุดติดไฟต่ำ แต่ช่วงการลุกไหม้ (Flammability Range) กว้าง จึงต้องจัดการความปลอดภัยด้วยมาตรฐานเฉพาะ
  • พลังงานจำเพาะ (120 MJ/kg) สูงกว่าเบนซิน ~3 เท่า เหมาะเป็นเชื้อเพลิงการบินและขนส่งหนัก
  • สามารถแปรรูปเป็นสารเคมีอื่น (Ammonia, Methanol, SAF) เพื่อใช้หรือขนส่งในรูปของเหลวได้ง่ายขึ้น

แหล่งกำเนิดหลักบนโลก

  1. ไฮโดรเจนฟอสซิล (สีเทา/ฟ้า) — สกัดจากก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมันผ่านกระบวนการ Steam Methane Reforming (SMR)
  2. ไฮโดรเจนรีนิวเอเบิล (สีเขียว/ชมพู) — แยกน้ำด้วยไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน หรือนิวเคลียร์

หัวใจสำคัญ: หากต้องการ “ไฮโดรเจนสะอาดจริง” ต้องใช้ไฟฟ้าคาร์บอนต่ำเป็นพลังงานป้อนกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส—ตรงนี้เองที่ พลังงานความร้อนใต้พิภพ เข้ามาช่วยให้ไฟฟ้าฐานโหลด 24 ชั่วโมงเพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ไอน้ำที่ได้จากกระบวนการ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฮโดรเจนอีกด้วย

สีของไฮโดรเจน: แหล่งกำเนิดและการปล่อยคาร์บอน

ในอุตสาหกรรมพลังงาน เรามักใช้ “รหัสสี” เพื่อระบุ วิธีการผลิต และ ปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ของไฮโดรเจนแต่ละชนิดอย่างรวบรัด สีไม่ใช่คุณสมบัติทางกายภาพของก๊าซ (ซึ่งไร้สีเสมอ) แต่เป็นสัญญะที่ช่วยให้เข้าใจต้นตอและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ทันที

รหัสสี

แหล่งกำเนิด / กระบวนการผลิต การปล่อย CO₂ (เฉลี่ย) หมายเหตุ
เทา (Grey) Steam‑Methane Reforming (SMR) จากก๊าซธรรมชาติ หรือน้ำมัน สูง – 9‑12 kg CO₂e/kg H₂ แบบดั้งเดิม > 95 % ของการผลิตโลกปัจจุบัน
ฟ้า (Blue) Grey + จับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ปานกลาง – 1‑4 kg CO₂e/kg H₂ ลดคาร์บอนได้ 60‑90 % แต่ต้นทุนเพิ่มและต้องมีแหล่งกักเก็บถาวร
เขียว (Green) อิเล็กโทรลิซิสใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (โซลาร์ ลม ความร้อนใต้พิภพ ฯลฯ) ต่ำมาก – < 0.7 kg CO₂e/kg H₂ เป้าหมายหลักของ Net‑Zero Roadmap ทั่วโลก
ชมพู (Pink) อิเล็กโทรลิซิสใช้ไฟฟ้านิวเคลียร์ ต่ำ (ใกล้เขียว) บางประเทศเรียก “Purple” หรือ “Red”
เทอร์ควอยซ์ (Turquoise) Pyrolysis แยก CH₄ เป็น H₂ + คาร์บอนแข็ง ต่ำ หากใช้ไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ ผลิต “Solid Carbon” ลดปัญหา CO₂ แต่ยังอยู่ในขั้นทดลอง


สรุป: “ไฮโดรเจนสีเขียว” คือประเภทเดียวที่ไม่พึ่งเชื้อเพลิงฟอสซิล และเป็นแกนกลางของนโยบายลดคาร์บอนในยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และล่าสุด Roadmap ไทย 2024

ประโยชน์หลักของพลังงาน ไฮโดรเจน

  1. พลังงานสะอาด 24/7 – สามารถเก็บไฟฟ้าหมุนเวียนส่วนเกินเป็น H₂ แล้วใช้ผลิตไฟฟ้าได้ทุกเวลา
  2. ลดคาร์บอนภาคอุตสาหกรรม – เหล็ก ปูนซีเมนต์ เคมี จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงความร้อนสูงซึ่ง H₂ ตอบโจทย์
  3. ขนส่งระยะไกล – รถบรรทุก เรือ เครื่องบิน ใช้ไฮโดรเจนหรือเชื้อเพลิงอนุพันธ์ (e-fuel) ลดการปล่อย CO₂
  4. เสถียรภาพกริด – ระบบไฟฟ้าที่มีสัดส่วนโซลาร์/ลมสูงใช้ H₂ เป็นแบตเตอรี่ระยะยาว (Seasonal Storage)
  5. สร้างตลาดใหม่ – Green Ammonia, e‑Methanol, Sustainable Aviation Fuel (SAF)

ไฮโดรเจนในบริบทประเทศไทย

ภาพรวมและนโยบาย

  • Roadmap Hydrogen Thailand 2024 ตั้งเป้าไฮโดรเจนสีเขียว 5 GW ภายใน 2040
  • PDP 2023‑2037 เปิดทางโครงการอิเล็กโทรไลเซอร์ 600 MW (ระยะที่ 1) COD 2030
  • BOI ให้ยกเว้นภาษี 8 ปี + ลดภาษีนําเข้าอุปกรณ์ 0 % สำหรับ Green H₂

สรุปและแนวทางต่อไป

พลังงาน ไฮโดรเจน คือสะพานเชื่อม “พลังงานหมุนเวียน” เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและคมนาคมที่ยากต่อการลดคาร์บอน โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับไฟฟ้าฐานจาก พลังงานความร้อนใต้พิภพ ไทยมีศักยภาพสร้างคลัสเตอร์เศรษฐกิจใหม่ มูลค่าหลายแสนล้านบาท และก้าวสู่ผู้นำพลังงานสะอาดในอาเซียน